เบตงยกระดับเฝ้าระวังและป้องกันโรคฝีดาษลิง หลัง WHO ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉิน
ยะลา - ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง ยกระดับเฝ้าระวังและป้องกันโรคฝีดาษลิง หลัง WHO ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เน้นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ ล่าสุดประเทศสิงคโปร์ที่ติดชายแดนมาเลเซีย พบผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้ว 8 คน
วันนี้ ( 26 พ.ค.65 ) ที่ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ภายหลัง WHO ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง ได้ร่วมกันเฝ้าระมัดระวังผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยเน้นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นในทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่ติดชายแดนมาเลเซีย ขณะนี้พบผู้ป่วยฝีดาษลิงทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศ 4 คน และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน โดยที่ผู้ป่วยทั้งหมดไม่มีความเชื่อมโยงกัน ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย ยังปลอดภัย ยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเพิ่มเติม หลังพบชาวไนจีเรียที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ยืนยันป่วยเป็นฝีดาษวานรคนแรกหลบนอกออกนอกประเทศไปยังประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ผลสอบสวนโรคเชิงรุก ผู้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ในช่วง 1 เดือน ยืนยัน ไม่พบผู้ติดเชื้อจากชายชาวไนจีเรียเพิ่มเติม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
นางสาวธัญณภัส ชาระ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง กล่าวว่า นอกจากจะมีการคัดกรองโรคโควิด-19 ตามด่านพรมแดนแล้ว เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง ได้ยกระดับเฝ้าระวังและคัดกรองโรคฝีดาษลิงผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเพื่อความไม่ประมาทเตรียมพร้อมรับมือได้ทัน โดยเน้นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง โดยการคัดกรองจะดูว่ามีไข้ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสหรือประวัติมีไข้ร่วมกับมีอาการ ได้แก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลังและต่อมน้ำเหลืองโตประกอบกับมีผื่นกระจายตามลำตัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด ให้รีบไปพบแพทย์ รวมถึงแจ้งประวัติการเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย ส่วนประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก การแพร่เชื้อฝีดาษลิง ยังไม่มากเท่าการระบาดโควิด- 19 ขอให้ใช้มาตรการเว้นระยะ ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้วยังจะสามารถทำให้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้อีกทางหนึ่งด้วย และระมัดระวัง เรื่องติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะฝีดาษลิงลักษณะการติดเชื้อจะคล้ายโรคเอดส์ ถ้ามีการใช้บริการทางเพศ ไปเที่ยวสถานบริการ ก็ถือว่าความเสี่ยง โดยกรมการแพทย์ยืนยันว่า มียารักษาตามอาการได้ และเตรียมพร้อมสถานพยาบาลไว้รองรับแล้ว
ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา โทร.064-126-5593 – 080-036-2786