เมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 23.30 น.ร.ต.อ.อรรถพล เรือนคำ รอง สว.(สอบสวน)สภ.สรอยได้รับแจ้ง จากศูนย์วิทยุ ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย จึงได้แจ้ง
พ.ต.ท.กัณฑ์สิทธิ์ คงต่อ สว.สภ.สรอย และผู้บังคับบัญชาทรายไปตามลำดับชั้น
ต่อมา พ.ต.ท.กัณฑ์สิทธิ์ ตงต่อ สว.สภ.สรอย ร.ต.อ อรรถพล เรือนคำ ร้อยเวร 30(สอบสวน) ร.ต.อ.อนุรักษ์ เพาะปลูก รอง สว.(ป.)ร้อยเวร 20 พร้อมด้วยชุดสืบสวน ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ เห็นผู้ชาย นอนอยู่ ลักษณะนอนคว่ำคุดคู้สวมใส่กางเกงขายาวลายพรางทหาร เสื้อไม่สวมใส่ แน่นิ่งอยู่ จึงได้สอบถามทางญาติมีนางต๋าน้อย ซามอย อายุ 63 ปีบ้านเลขที่222/1 ม.10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ แสดงตัว บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นแม่ของผู้ตาย ชื่อว่านายสว่าง หรือ (กบ) ชาวมอย อายุ 41 ปี บ้านเลขที่222/1 ม.10ส่วนคนที่ทำร้ายลูกชายชื่อ นายมิตร มูลลี อายุ 60 ปี บ้านเลขที่208/3 ม.10 ต.สรอย ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกัน ได้นำไม้ท่อนมาทุบตีและไม่ได้ไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวนายมิตรฯไปสอบสวนที่ สภ.สรอย เสร็จแล้วจึงได้ปลอ่ยตัวกลับบ้าน เพราะนายมิตร ฯไม่มีพฤติการณ์ ที่จะหลบหนี ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงได้ปล่อยตัวกลับบ้านไป ส่วนศพของนายสว่างฯได้นำส่งให้ทาง รพ.วังชิ้น ตรวจพิสูจน์ เพื่อหาร่องรอยบาดแผล ถึงสาเหตุการเสียชีวิต แล้วได้แจ้งให้ทางญาติรับทราบ สอบถามว่ามีผู้ใดติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ เมื่อไม่มีผู้ใดติดใจจึงได้มอบศพให้ทางญาตินำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
..ต่อมาเช้าวันที่ 7 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามรายละเอียดเรื่องที่เกิดเหตุดังกล่าวคืนที่ผ่ามาทราบจากนายมิตร มูลลี คู่กรณี ให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อเวลาประมาณ 20.00น.นายสว่าง ผู้ตาย กับ ตนเองได้นั่งดื่มเหล้าที่ใต้ถุนบ้านของ ผู้ตาย เมื่อตนเห็นว่าผู้ตายเมาแล้วและเวลาก็ดึกมากแล้วจึงขอกลับบ้านไปนอนก่อน ซึ่ง อยู่ห่างกัน 50 เมตร กำลังถึงบ้าน ผู้ตายได้เดินไปหาตนจึงบอกให้กลับบ้านไป ไม่ยอมกลับ ยังลวนลามเมียของตนอีก ตนจึงผลักอกแล้วไล่ให้กลับบ้านไปหลายครั้ง ผู้ตายก็ไปยอมไปแถมพูดท้าทาย ลวนลามภรรยาตน ตนจึงโมโห บันดานโทสะจึงคว้าไม้ท่อนทุบตีไปหลายครั้ง จนผู้ตายได้ฟุ๊บแน่นิ่งไป แล้วจึงบอกให้นางต๋าน้อยฯแม่ของนายกบ ผู้ตาย ทราบ
..ต่อมา นางต๋าน้อย ซามอย แม่ของผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ตาย เป็นลูกชายของตนแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และได้หย่าร้าง ตั้งแต่ลูกยังเล็ก จากนั้นมาก็ไม่ได้แต่งงาน อาศัยอยู่ร่วมกันกับตน ชอบดื่มเหล้าเมาอารวาท ญาติพี่น้องห้ามไม่ฟัง สร้างความเดือดร้อนบ้านใกล้เรือนเคียง ถึงขั้นทำร้ายลูกสาวตน ตอนนี้ลูกสาวอายุ 16 ปีแล้วเมื่อเวลาประมาณ5 ทุ่มหลังจากที่สองคนแยกย้ายกันไปตนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ที่บ้านนายมิตร เสียงดังตุ๊บแล้วเงียบไปสักครู่นายมิตรฯมาบอกว่าทำร้ายร่างกายนายกบ ขอให้ไปดูด้วย เมื่อตนไปถึง พบลูกชายก้มหน้าคุดคู้อยู่ลานหน้าบ้านนายมิตรฯจึงไปเรียกและเขย่าตัวไม่มีเสียงตอบ คิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงให้หลานแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ผู้ใหญ่บ้านทราบ และไม่ได้ติดใจเอาความเพราะเป็นญาติเดียวกัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย
..จากการสอบถาม น.ส.นิด(นามสมมุติ)อายุ 16 ปี บุตรสาวเล่าถึงความรู้สึกถึงเหตุการณ์ว่า ตนได้เป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ตาย อยู่กับปู่ และย่ามา เมื่อก่อนมานี้ เวลาพ่อดื่มเหล้าเมามาทีไรก็จะทำร้ายทุบตีตนได้รับบาดเจ็บ จนร่างกายฟกช้ำมาหลายครั้งหลายหนต้องทนมาตลอดการจากไปของพ่อครั้งนี้ ตนรู้สึกเฉยๆไม่ติดใจเอาความ ร้องไห้ไม่ออก เมื่อนึกถึงพ่อตอนทำร้ายตน ครั้งนี้คงถึงคราวของพ่อบ้าง แต่ตนได้อโหสิกรรมให้พ่อไปแล้วขอให้ดวงวิญญาณของพ่อไปตามบุญตามกรรมที่พ่อทำไว้
ในบรรยากาศจัดงานศพ มีพี่น้องชาวบ้านมาช่วยงานไม่มากเพราะเป็นวันแรก มีชาวบ้านคนหนึ่งว่าบ้านเมืองจะได้สงบเสียที
ร.ต.อ ธนาคาร ดอกจือ หัวหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์จังหวัดแพร่
สนับสนุนโดย
