วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์

กราบขอความเห็นใจ ความกรุณา ขอได้โปรดเมตตาชาวบ้านตาสีตาสา ที่ไม่รู้จะหักหน้าไปพึ่งทางไหนแล้ว กระผมเป็นผู้ร้องในคดี โดนโจทก์ขับไล่ให้ออกจากที่ดิน
 ที่กระผมได้พักพิงพักอาศัยมาตั้งนานกว่า 43 ปีแล้ว โดยล่าสุดมีการออกหมายจับกุม และก็ได้มีการประกันตัวออกมา มีการนัดพร้อมกับโจทก์ ในวันอังคารที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 13.30 น. ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอันใหญ่หลวงแก่กระผมเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้กระผมอายุ 75 ปีแล้ว ซึ่งเป็นวัยชราภาพ เคยถูกไฟไหม้บ้านถึง 2 ครั้ง หมดเนื้อหมดตัว ก่อร้างสร้างตัวสร้างบ้านหลังนี้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงโดยอาชีพสุจริต ต้องเหนื่อยยากลำบาก พอปลูกบ้านดี สัญจรสะดวก โดยกระผมและชาวบ้านไปช่วยกันร้องทุกข์ร้องเรียนเรื่องน้ำท่วมบ้าน ก็มีหน่วยงานของรัฐมาช่วยทำถนนให้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ปี 2548 แต่โจทก์ก็เล็งเห็นประโยชน์ในที่ดิน ทั้งๆ ที่มีชาวบ้านอยู่กันเต็มพื้นที่กว่า 13 ครอบครัว แสดงถึงความใจอำมหิต และซื้อแบบไม่สุจิตของโจทก์ แถมชาวบ้านก็ยังรู้จักกับโจทก์เป็นการส่วนตัวด้วย เพราะในปัจจุบันที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินทำเลดี เจ้าของที่ดินเดิมเค้ารวยมาก ปล่อยทิ้งรกร้างที่ดินไม่เคยมาใช้ประโยชน์เลย กระผมได้ปลูกอาศัยอยู่ในที่ดินมากว่า 43 ปีแล้ว แต่สามีของโจทก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดงานซับน้ำตาคนไฟไหม้ ได้รับรู้ว่ากระผมอยู่ในที่ดินนี้มานานมาก เพราะครอบครัวโจทก์พักอาศัยในย่านเดียวกับกระผม จึงรับรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี และไปจัดการติดต่อกับเจ้าของเดิม ตอนปี 2546 โดยโจทก์ให้ลูกชายรับมอบอำนาจมาฟ้องขับไล่กระผม แต่กระผมโดนศาลตัดสินว่าไม่ได้ตั้งใจเป็นเจ้าของ เพราะมีเอกสารไฟไหม้ของกระผมเอง ระบุว่าเป็นที่ดินเช่า เพราะเอกสารที่ออกให้ร่วมกับที่ดินข้างเคียง เจ้าหน้าที่ออกเอกสารระบุตามๆ กันไป โดยไม่แยกว่าเป็นที่ดินเช่าหรือที่ดินตนเอง แต่กระผมก็อยู่อย่างสงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของมาโดยตลอด และไม่เคยมีผู้ใดมาคัดค้านในการปลูกบ้าน และต่อเติมบ้านเป็นคอนกรีตแบบมั่นคงถาวร และคดีที่ลูกชายโจทก์รับมอบอำนาจมาขับไล่กระผม คดีถึงที่สุดและหมดอายุความลง นี้ก็ผ่านมาอีก 14 กว่าปีแล้ว ตอนปี 2554 ลูกสาวคนโตของกระผมมีการไปขออนุญาตแบบบ้าน เพราะอยากมีบ้านเป็นของตนเอง แต่ด้วยทุนทรัพย์ที่ไม่เพียงพอสักที แต่อายุของการขออนุญาตแบบบ้านที่จะหมดลง ต้องเร่งดำเนินการออกบ้านเลขที่ดังกล่าว จึงตัดสินใจให้ออกบ้านเลขที่กับบ้านของกระผม แต่เหตุการณ์นี้กระผมไม่ทราบมาก่อน โดยให้ลูกสาวคนเล็กเป็นเจ้าบ้าน เพราะลูกสาวคนโตเป็นเจ้าบ้านของบ้านสามีแล้ว โดยโจทก์ลงชื่อซื้อขายที่ดินปี 2556 และเริ่มฟ้องขับไล่ลูกสาวคนโต โดยฟ้องบ้านที่ลูกสาวคนโตเป็นเจ้าบ้าน แต่ศาลยกฟ้องเพราะเป็นที่ดินคนละแปลงกัน ต่อมาปี 2558 ให้คนที่เป็นที่รู้จักมาติดต่อบอกจะทำถนนเข้า-ออกให้ ขอรายชื่อไปและก็นำรายชื่อมาฟ้องชาวบ้านที่อยู่ในที่ดินร่วมกับกระผม ทั้ง 13 ครอบครัว และฟ้องขับไล่ลูกสาวทั้งสองของกระผม หลังจากนั้นกระผมและครอบครัวจึงพากันไปบ้านของเจ้าของที่ดินเดิม และได้ทราบว่า โจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าของคนเก่ามาขอซื้อที่ดินคืน และจะเอาที่ดินไปจัดสรรช่วยคนจนให้ได้มีที่อยู่ โดยเจ้าของที่ดินเดิมขายมาในราคาเท่าเดิม เพราะเห็นว่าโจทก์คิดดีทำดี แต่ในความจริงแล้วโจทก์ชุบมือเปิบในที่ดิน ใช้เล่ห์เพทุบายทุกทางกลั่นแกล้ง เอาขยะมาทิ้งเอาขี้ปูนมาถมจนน้ำท่วมบ้านกระผมและชาวบ้าน ต้องซ่อมแซมบ้านมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันกระผมเกิดความเครียดมากๆ ทำให้ร่างกายเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ความดันสูง และอายุในวัยชราภาพมากอีก กระผมอยู่ในที่ดินตั้งแต่ปี 2523 และชาวบ้านครอบครัวอื่นๆ กลายเป็นคนยากคนจนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ต้องรื้อบ้านไปทั้ง 13 ครอบครัว เพราะแพ้คดีในชั้นต้นและไม่มีเงินที่จะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป เพราะโจทก์เรียกค่าเสียหายเป็นยอดเงินที่มหาศาล ถ้าเทียบกับคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา และตอนปี 2561 ศาลก็ตัดสินลูกสาวทั้งสองของกระผมให้แพ้คดีไปเช่นกัน และโจทก์ก็นำเจ้าหน้าที่จากกรมบังคดีมาจะมารื้อถอนบ้านของกระผม เพราะบอกว่าเป็นบ้านของลูกสาวทั้งสาว แต่กระผมได้แย้งไป กรมบังคับคดีจึงบอกให้กระผมไปยื่นแสดงอำนาจพิเศษ มิฉะนั้นจะกลายเป็นบริวารของลูกสาว กระผมก็ไปยื่นตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แต่ศาลตัดสินไม่รับคำร้องของกระผม ตอนนี้เหลือเพียงบ้านของกระผมหลังเดียว ที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ 258 ตารางวา โจทก์นำกรมบังคับคดีมารื้อบ้านชาวบ้านคนอื่นไป 200 กว่าตารางวาแล้ว ได้ที่ดินคืนไปแล้วยังไม่พอใจอีก ล่าสุดเอาตำรวจมาจับกระผมกับครอบครัวไป กระผมคนแก่อายุ 75 ปีแล้ว มีโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ยังมาโดนจับอีก อยู่อาศัยในที่ดินมานานมากแล้วถ้าต้องรื้อบ้านจะไปอยู่ที่ไหน ไม่สามารถมีกำลังในการปลูกสร้างแล้ว ขอได้โปรดให้ความเมตตากระผม โจทก์มีฐานะร่ำรวยมาก มีที่มีทางเยอะแยะมากมาย ยังจะมาเอาที่ดินบริเวณบ้านของกระผมอีก ชายชราก็แค่อยากมีบ้านไว้อยู่อาศัยในช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตก็แค่นั้น เพราะยังมีภรรยาและหลานๆ ที่อยู่ด้วยกันอีก 
ข้อความที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นความสัตย์จริงทุกประการ กระผมอยากให้ช่วยบรรเทา ระงับการรื้อถอนบ้านของกระผม หรือพอจะมีทางช่วยให้เกิดแสงสว่างกับชายชราอย่างกระผมให้ทันเวลาทีครับ  
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม นายสมาน มูฮำหมัดเย็ง โทร. 089-8240732 , 02-3189083
 รายงานข่าว

โพสต์ข่าวแนะนำ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” มอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่ากว่า 4.1 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม มอบโอกาสการรักษา ช่วยเหลือชาวนครพนมอย่างยั่งยืน

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” มอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่าก...

ข่าวดัง ยอดนิยม คนสนใจ

ข่าวดังรายสัปดาห์ HOT NEWS