โดยแกนนำ กลุ่มชัยบุรีรักษ์ถิ่น ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ของบริษัท พันธ์ศรี ที่หมดสัมปทาน และได้พาผู้สื่อข่าว ไปดูบ่อดิน ที่ขุดเอาลูกรังทั้ง 3 บ่อ ทั้งบ่อเก่าและบ่อใหม่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบดูแลว่าเป็นที่ป่าสงวนหรือสปก และทางกลุ่มแกนนำ ชัยบุรีรักษ์ถิ่นยังพาไปดูอ่างเก็บน้ำแอ่งอโศก ว่าเป็นที่ป่าสงวนหรือไม่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือป่าไม้ในเขตรับผิดชอบ เข้าไปดูแล และ เจตนารมณ์ ของแกนนำเรียกร้องที่ดินทำกิน กลุ่มแกนนำเรียกร้องที่ดินทำกิน ในนาม กลุ่มชัยบุรี รักถิ่น ได้ถูกออกหมายเรียกจำนวน 6 คนและจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกในวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลา 9:00 น นี้ และจะยืนหยัด ต่อสู้คดี ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงถึงชั้นศาลฎีกา อย่างแน่นอน ซึ่งได้มีแนวทาง คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเหล่านี้ อยู่แล้ว 8 คดีโดยเฉพาะแกนนำ หลัก นายชูวงศ์ มณีกุลได้ถูกฟ้องคดี ประเภทนี้มาแล้ว 8 คดี ถือว่าการถูกฟ้องคดีครั้งนี้ เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะคุกตารางถือเป็นบ้านหลังที่สองของทนายชูวงศ์ มณีกุลสำหรับการต่อสู้ เรื่องที่ดินทำกินให้กับคนจนโดยไม่หวังแม้แต่คำขอบคุณซึ่งเป็นการสร้างบารมี 10 ทัศชั้นปารมัตถธรรม ซึ่งกลุ่มแกนนำและสมาชิกจำนวนประมาณ 2,000 คน ยืนหยัด จะปักหลักประท้วงเรียกร้องในพื้นที่ต่อไปและจะขยายพื้นที่ชุมนุมไปยังแปลงหมดสัมปทานหรือหมดอายุอนุญาตและแปรอื่นๆอีกทั้งในกระบี่ สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร ซึ่งมีเนื้อที่จำนวน กันประมาณ 1 ล้านไร่ ที่บริษัท นายทุนครอบครอง โดย ผิดกฎหมาย มาตลอด โดยมีนักการเมือง ชื่อดังในภาคใต้เป็นเจ้าของและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องครองรักษาผลประโยชน์มาตลอด ทนายชูวงศ์ มณีกุล แกนนำ กลุ่มชัยบุรีรักษ์ถิ่นกล่าว
สมใจนวลนุ่นหัวหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์จังหวัดกระบี่ภิญโญวงษสุวรรณหัวหน้าผู้สื่อข่าวส่วนกลางหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์สุรศักดิ์ทองประสานผู้สื่อข่าวช่างภาพทันใจนิวส์
สนับสนุนโดย
