ผู้นำท้องถิ่น+กลุ่มผู้นำกลุ่มสตรีสงขลา แห่ให้กำลังใจ นิพนธ์ ยืนยันทุกอย่างทำถูกต้องตามระเบียบ พร้อมสู้ถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 08.30 นที่บ้านพักจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดบ้านต้อนรับกลุ่มมวลชน นำโดยนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และข้าราชการในสังกัดอบจ.สงขลา นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้างและสมาชิกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง กลุ่มผู้บริหารเทศบาลนครสงขลา กลุ่มผู้นำสตรีจังหวัดสงขลา และพี่น้องประชาชนที่เข้ามามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจให้แก่นายนิพนธ์ฯกว่า 200 คน พร้อมขอให้สู้ต่อไป เพื่อสิ่งที่ถูกต้องและเพื่อปกป้องผลประโยขน์ของแผ่นดิน
โดยรมช.มท. ได้กล่าวขอบคุณที่เดินทางมาให้กำลังใจในครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้อนุมัติหมายจับกลุ่มบริษัทคู่เทียบที่มาทำการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ของอบจ.สงขลา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ ทาง อบจ.สงขลาต้องจ่ายเงินให่แก่บริษัทที่ชนะการประมูลที่กระทำผิดพ.ร.บ.ฮั้วกลุ่มนี้ โดยในเรื่องนี้ รมช.มท.ได้ชี้แจงว่า หลังจากที่อบจ.สงขลาไปแจ้งความดำเนินคดี ทั้งในคดีการจัดซื้อครั้งที่ 1 ที่ 2 และ การจัดซื้อในครั้งที่ 3 ในกรณีของผมเป็นการจัดซื้อครั้งที่ 3 สรุปก็คือตำรวจสภ.เมืองสงขลาสั่งมีมูลคือฟ้อง ตั้งข้อหาบริษัทพลวิศน์และพวกกระทำควาผิดฐานฮั้วปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม เมื่อสั่งฟ้องในคดีครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 นำไปให้ป.ป.ช.ตรวจ เมื่อป.ป.ช.ตรวจแล้วเห็นว่าไม่มีข้าราชการคนใดทำความผิด ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องมาให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ซึ่งต่อมาตำรวจได้มีหมายเรียกให้มาพบเพื่อส่งตัวไปศาล แต่ผู้ต้องหาไม่มา3 ครั้ง ศาลจึงออกหมายจับในข้อหาฮั้วและปลอมเอกสารใช้เอกสารปลอม ซึ่งก็จะมีการดำเนินคดีต่อไป
ส่วนคดีการจัดซื้อครั้งที่ 3 ของผม ตำรวจสงขลาบอกว่าเมื่อสรุปสำนวนแล้วปรากฏว่ามีความผิดจริงกล่าวคือมีการฮั้วกันและปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม ซึ่งทั้ง 3 ครั้งจะใช้เอกสารเดียวกันหมด แต่ก็อาจมีความแตกต่างกันบ้างในเรื่องของตัวบุคคล แต่ตัวเอกสารหลักๆก็จะใช้ชุดเดียวกันหมด มาจากออสเตรเลีย มาจากอังกฤษ มาจากเนเธอร์แลนด์ เป็นชุดเดียวกันที่ปลอมมาจากต่างประเทศ แม้กระทั่งจากมาเลเซีย ในกรณีครั้งที่ 3 เมื่อตำรวจสรุปสำนวนอย่างนั้นบริษัทเหล่านี้จึงไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ส่งเรื่องนี้ไปให้กองปราบปรามลงมาดูแลซึ่งในที่สุดตำรวจกองปราบก็ได้ผลสรุปสำนวนว่ามีการฮั้วกันจริงพร้อมกับการปลอมเอกสารใช้เอกสารปลอม
แต่เนื่องจากคดีฮั้วมีระเบียบอยู่ว่าต้องส่งไปให้ป.ป.ช.ตรวจ โดยขณะนี้คดีครั้งที่ 3 ยังอยู่ที่ป.ป.ช. แต่ครั้งที่ 1และครั้งที่ 2 ป.ป.ช.ได้ส่งกลับมาแล้ว จึงเป็นที่มาที่ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาไปขอออกหมายจับ และศาลก็อนุมัติออหหมายจับไปแล้ว
ดังนั้นผมจึงคิดว่าเมื่อศาลอาญาทุจริตภาค9 ออกหมายจับในคดีฮั้วประมูลรถนี้ เบื้องต้นที่ไปแจ้งความเป็นเพราะว่ามีหนังสือของรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด มีหนังสือมาถึงนายก อบจ.ว่ามีคนร้องเรียนในเรื่องนี้ จึงขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้จังหวัดทราบ พร้อมกันนั้นในข้อ 4 ยังมีข้อความให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน ฉะนั้นผมจึงต้องทำตามที่จังหวัดสั่งมา เมื่อสอบข้อเท็จจริงได้ความว่าฮั้วและผลสรุปของคณะกรรมการที่มีรองปลัดอบจ.เป็นประธานสอบ สรุปสำนวนบอกว่ามีการฮั้วกันจริง ดังนั้นผมจึงไม่กล้าจ่ายเงิน และบัดนี้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้วว่ามีความผิดพ.ร.บ.ฮั้ว ปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม เท่ากับคนกลุ่มนี้มีส่วนกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการฮั้วประมูล ผมในฐานะคนของรัฐผมจึงต้องใช้วินิจฉัยในการตัดสินใจว่า การรักษาผลประโยชน์ของเอกชนกับการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ผมควรรักษาผลประโยชน์ของใคร ซึ่งผมก็ตัดสินใจว่าผมต้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เพราะนี่คือภาษีอากรของประชาชน และบัดนี้สิ่งที่คณะกรรมการตรวจสอบมาแล้วว่าฮั้วมันมีพยานหลักฐานไปถึงศาลแล้ว มีการออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ผมจึงสามารถอธิบายได้ว่า ที่ทำไปไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร ทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
นิพนธ์กล่าวต่อด้วยว่า มิเช่นนั้นวันข้างหน้าท้องถิ่นจะทำอะไรในการจัดซื้อจัดจ้าง คงต้องเอาความปลอดภัยของตัวเองไว้ก่อน เพราะผลประโยชน์ของรัฐ ก็ไม่มีคนรับผิดชอบ เพราะถ้าเอาผลประโยชน์ของเอกชนเป็นที่ตั้ง แล้วอย่างนี้ใครจะดูแลผลประโยชน์ของรัฐ นี่คือต้องหาข้อยุติให้ได้ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่ตรวจสอบพบว่าว่าฮั้วทำผิดกฏหมายแล้วต้องจ่าย อย่างนี้งบประมาณแผ่นดินก็ต้องไปเรียกคืนเอาเองทีหลัง นี่คือปัญหาที่ต้องหาข้อยุติให้ได้ อย่างคดีนี้ถ้าสมมุติเมื่อจ่ายกันแล้ว และในที่สุดมีการฮั้วกันจริง คดีถึงที่สุดสัญญาก็จะเป็นโมฆะ แล้วจะไปฟ้องเอาเงินที่ใคร และนี่คือสิ่งที่ผมบอกว่าผลประโยชน์ของรัฐ ภาษีของประชาชนกับเรื่องของเอกชนที่ทำความผิด ซึ่งผมก็ต้องสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุดเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน
ซัมซูดิน เจ๊ะแดร์ รองหัวหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์จังหวัดสงขลา
สนับสนุนโดย