จังหวัดชุมพร ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ติดตามสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่
วันนี้ (1 มี.ค. 65) นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชุมพร เพื่อติดตามสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทั้งระดับประเทศและในพื้นที่ของจังหวัดชุมพร พร้อมร่วมพิจารณามาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคโควิด -19 ให้ทันต่อสถานการณ์ในพื้นที่ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมเกาะมัตรา ศาลากลางจังหวัดชุมพร
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชุมพร โดยข้อมูลวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดชุมพร มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยัน จำนวน 166 ราย และจากการตรวจATKพบ ผู้ป่วย 222 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 970 ราย ส่วนอำเภอที่ต้องเพิ่มความเข้มงวด ได้แก่ อำเภอเมือง พบผู้ป่วย 70 ราย และอำเภอหลังสวน พบผู้ป่วย 41 ราย ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชุมพร พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคาดการว่าขณะนี้ยังไม่ถึงจุดที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดที่ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น การค้นหาและตรวจพบผู้ป่วยให้เร็วที่สุด พร้อมทำการกักตัว และดำเนินการรักษา เป็นวิธีที่ต้องดำเนินการในขณะนี้ โดยการกำหนดพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยง กิจกรรมเสียง สถานที่เสี่ยง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจติดตามให้คำแนะนำ พร้อมตรวจ ATK และเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อวัน เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงาน สำหรับพี่น้องประชาชน ยังคงต้องดำเนินการตามแนวทางของจังหวัด และมาตรการป้องกันตนเอง โดยเน้นที่มาตรการความปลอดภัยในองค์กรของตนเอง ครอบครัวบ้านเรือนของตนเอง ยึดหลัก Covid Free Setting และ Universal Prevention หรือสุขบัญญัติ 10 ประการ
นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณา ถึงข้อสั่งการและแนวทางจากส่วนกลาง ที่เตรียมดำเนินการให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) โดยใช้ 4 มาตรการหลัก คือ มาตรการสาธารณสุข การตรวจคัดกรองด้วย ATK เป็นหลัก ATK First และติดตามเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ และใช้การตรวจ RT-PCR เฉพาะในกรณีที่มีอาการปานกลางขึ้นไป ตามแนวทางที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด, มาตรการทางการแพทย์ ใช้การดูแลที่บ้านหรือชุมชน (Home Isolation/ CommunityIsolation : HI/C) เป็นลำดับแรก HI-CI First โดยจัดระบบสนับสนุนยา เวชภัณฑ์ ระบบส่งต่อหากมีอาการรุนแรงขึ้น และมีระบบสายด่วนรองรับ รวมถึงพิจารณาการให้การรักษาในโรงพยาบาล (Hospital)ในกรณีที่จำเป็นหรือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง, มาตรการทางสังคม โดยเน้นป้องกันตนเองสูงสุดตสอดเวลา (Universal Prevention: UP) รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เลี่ยงไปสถานที่เสี่ยง การงดเว้นการทำกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม การงดเว้นการสังสรรค์ และเน้นการทำงานที่บ้าน (Work Form Home) สถานประกอบการใช้มาตรการCOVID Free Setting, และมาตรการสนับสนุน เช่น ค่าบริการรักษาพยาบาล และค่าตรวจต่างๆ ที่มีความเหมาะสม
สนับสนุนโดย