ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ นั้น
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 ,พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ.ศอ.ปส.ชน. ,นายดนุชา ไชยวงค์ ปปส.ภาค 5, พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ,พ.ต.อ.พิทักษ์ นาสมวาส รอง ผบก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 คดี ซึ่งเป็นผลการจับกุมบูรณาการร่วมกันของ บก.สส.ภ.5 ,กก.สส.ภ.จว.เชียงราย , สภ.แม่สรวย และ สภ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 4 คน ตรวจยึดยาบ้ารวมกว่า 6 แสนเม็ด ยาไอซ์ 239 กก. รถยนต์จำนวน 3 คัน ดังนี้
คดีที่ 1 เป็นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย โดยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 06.00 น. ชุดจับกุมสามารถทำการจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบขนยาไอซ์ได้จำนวน 3 คน ตรวจยึดยาไอซ์รวม 239 กก.,เคตามีน 10 กก. รถยนต์จำนวน 2 คัน
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อเข้ามายังพื้นที่ชั้นในของประเทศ โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการลำเลียง จึงได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 24 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ได้ นำกำลังตั้งจุดตรวจ บริเวณหน้าตู้สายตรวจจำบอน อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ลักษณะตรงกับข้อมูลที่มี จึงได้เรียกให้จอดและทำการตรวจค้นรถยนต์ดังกล่าว จากการตรวจค้นมีรถยนต์คันแรก พบว่ามีผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวม 2 คน ซึ่งบริเวณด้านหลังผู้ขับขี่มีกระสอบถูกห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำวางอยู่จำนวนมาก จึงทำการตรวจสอบพบเป็นกระสอบฟางด้านในบรรจุยาไอซ์ รวมกว่า 239 กก. และยาเค ประมาณ 10 กก. ส่วนอีกคันไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่ผู้ขับขี่รับว่าทำหน้าที่รถนำยาเสพติด
ในคดีนี้จากการสอบสวน ผู้กระทำผิดให้การว่ารับสารภาพว่าได้รับค่าจ้างจำนวน 200,000 บาท เพื่อรับยาเสพติดดังกล่าวมาจากชายแดนพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อไปส่งที่ จ.พระนครศรีอยุทธยา โดยได้รับเงินค่าจ้างมาก่อนแล้วประมาณ 30,000 บาท และจะได้ส่วนที่เหลือเมื่อทำงานเสร็จ
สำหรับคดีที่ 2 เป็นการจับกุมของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สรวย จว.เชียงราย ร่วมกับ สภ.เมืองเชียงราย โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 21.00 น. สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ 1 คน ตรวจยึดยาบ้าได้ จำนวน 6 แสนเม็ด รถยนต์ 2 คัน
การจับกุมในคดีนี้ เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจยาเสพติดท่าก๊อ สภ.แม่สรวย ได้ทำการตั้งด่านสกัดกั้นกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดและได้เรียกตรวจกลุ่มรถยนต์ต้องสงสัยที่ผ่านด่านตรวจ การตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่พบข้อพิรุธ และข้อสงสัยเชื่อว่า เป็นกลุ่มลำเลียงยาเสพติด จึงได้ตั้งเป็นรถเป้าหมายต้องสงสัยไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบว่ารถเป้าหมายจำนวน 3 คันดังกล่าว มีความเคลื่อนไหว ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จึงได้ประสานด่านตรวจจำบอนให้สกัดจับแต่ปรากฏว่าเมื่อรถเป้าหมายถึงด่านตรวจจำบอนได้แยกย้ายหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดทำหน้าที่ขับรถนำได้ 1 คน ยึดรถยนต์ 1 คัน ได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดปูแกง สภ.พาน จว.เชียงราย และสามารถยึดรถยนต์อีก 1 คัน ที่ด่านตรวจจำบอน อ.เมืองเชียงราย ส่วนผู้ขับขี่และโดยสารได้ทิ้งรถหลบหนี ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าจำนวน 6 แสนเม็ด
จากการสอบสวนผู้กระทำผิดที่ถูกจับได้ ให้การว่าตนเองทำหน้าที่ขับรถนำ โดยได้รับยาเสพติดมาจากพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ปลายทาง จังหวัดลำปาง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับเครือข่ายนี้ต่อไป
สรุปผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 5
เหตุห้วง ตั้งแต่ 1 ต.ค.65 – 2 พ.ค.66
จับกุมคดียาเสพติด
- จำนวน 17,035 คดี
-คดีรายสำคัญ 90 คดี
ตรวจยึดของกลางยาเสพติด
- ยาบ้า 71,157,650 เม็ด
- ไอซ์ 1,711.56 กิโลกรัม
- เคตามีน 432.51 กิโลกรัม
- เฮโรอีน 31.04 กิโลกรัม
ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด
- มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 415 ล้านบาท
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย
สนับสนุนโดย
