วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมต่างๆ  ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ นั้น

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 13.00 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย  พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ปิยะพันธ์  ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.ภ.จว.น่าน ,นายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน , พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ.ศอ.ปส.ชน. และ นายอนุเทพ ธาระณะ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5  ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดรวม 3 คน ตรวจยาบ้ารวมกว่า 1.1 ล้านเม็ด รถยนต์ 2 คัน  และคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ จำนวน 2 คดี ดังนี้ 

คดีที่ 1 เป็นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรท่าวังผา จังหวัดน่าน และกองกำลังผาเมือง โดยเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. ชุดจับกุมสามารถทำการจับกุมกลุ่มขบวนลักลอบขนยาบ้าได้จำนวน 3 คน ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 1.1 ล้านเม็ด รถยนต์จำนวน 2 คัน 

 การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากการบูรณาการด้านการข่าวของตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และกองกำลังผาเมือง ว่าจะมีกลุ่มขบวนลักลอบขนยาเสพติดจากแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ได้ตรวจพบว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คันมีลักษณะตรงกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ  ขับติดตามกันมาบริเวณอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย จึงได้ทำการสะกดรอยรถทั้งสองคัน พบว่ารถได้ใช้เส้นทาง อ.เมืองเชียงราย อ.เทิง เชียงราย เข้า อ.ภูซาง อ.เชียงคำ พะเยา และเข้าจังหวัดน่าน ทาง อ.สองแคว และ เข้าพักที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ใน อ.ท่าวังผา น่าน  กระทั่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งเฝ้าซุ่มดู เห็นผู้ต้องหามาเปิดกระโปรงหลังรถเก๋งคันที่ขับขี่มา และเห็นกระสอบฟางจำนวนหนึ่งวางอยู่ในช่องเก็บของฝากระโปรงหลัง เชื่อว่าเป็นยาบ้า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน พร้อมยาบ้าของกลางจำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 1.1 ล้านเม็ด นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

 สำหรับเส้นทางลำเลียงครั้งนี้ ทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ ได้ใช้เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติด ต้นทาง อ.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย จะลำเลียงไปยังปลายทางจังหวัดขอนแก่น ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อ     ออกหมายจับผู้ว่าจ้างและเครือข่ายที่หลบหนี ต่อไป  

สรุปผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 5
ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.65-25 ก.พ.66

จับกุมยาเสพติด จำนวน 10,766 คดี เป็นรายสำคัญ จำนวน 60 คดี

ตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้าจำนวน 50,644,429 เม็ด ไอซ์ 1,174 กก. ,เคตามีน 401 กก.

ตรวจยึดทรัพย์ ประมาณ 362 ล้านบาท 

ดคีที่ 2 เป็นการจับกุมคดีฉ้อโกงทรัพย์  โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวน 3 บก.สส.ภ.5 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาเป็นหญิงจำนวน 1 คน ในคดีฉ้อโกง ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยการแสดงเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนฯ” 

โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยการโพสต์ข้อความในลักษณะเปิดสาธารณะใน Facebook ที่ผู้ต้องหาทำปลอมขึ้นมา โดยจะเน้นกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการหาหอพัก ย่านหลัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เมื่อมีผู้หลงเชื่อ ผู้ต้องหาจะหลอกเงินมัดจำประมาณ 3-4 พันบาท บางเคสจะเก็บค่าเช่าล่วงหน้าอีก 1 เดือน รวมประมาณ 7-8 พันบาท และผู้ต้องหายังหลอกลวงผู้เสียหายกลุ่มอื่นอีก เช่น เสนอขายสินค้าประเภทเครื่องสำอาง,เฟอร์นิเจอร์, บัตรคอนเสิร์ต,หลอกลวงจากสัญญากู้เงิน,จัดหาเด็กเอนเตอร์เทน,โรแมนซ์สแกน ซึ่งมีผู้เสียหายขณะนี้กว่า 17 ราย ยอดความเสียหายประมาณ 257,596 บาท

สำหรับประชาชนท่านใด ที่ถูกผู้ต้องหารายนี้ หลอกลวงได้รับความเสียหาย สามารถมาร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ที่ กองกำกับสืบสวน 3 บก.สส.ภ.5 หรือ สถานีตำรวจใกล้บ้านท่านได้

คดีที่ 3 เป็นการตรวจยึดรถยนต์ที่ถูกเช่าแล้วเชิดหลบหนี กรณีนี้เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ฬ 40** กทม. ได้ถูกเช่าโดยผู้เช่าใช้ชื่อว่า  น.ส.วนัชพรฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ภูมิลำเนา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา โดยผู้ให้เช่าได้ผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาส่งให้แก่ น.ส.วนัชพรฯ (ผู้เช่า) ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่เขตหลักสี่ กทม. ต่อมาทราบรถได้ออกนอกเส้นทางที่เช่า จึงได้ตรวจสอบ จีพีเอส ที่ติดกับตัวรถพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมาจอดที่ลานจอดรถในวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จว.เชียงใหม่ ซึ่งได้แจ้งประสานแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.5,ทล.4 กก.5 บก.ทล. และ สภ.จอมทอง จว.เชียงใหม่ ให้ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติของ น.ส.วนัชพรฯ แล้วทราบว่าคือ น.ส.อรพรรณฯ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับ สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ข้อหาลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และ น.ส.วนัชพรฯ เป็นมิจฉาชีพหลอกเช่ารถแล้วนำไปขายต่อต่างประเทศ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้เข้าตรวจสอบลานจอดรถในวัดพระธาตุศรีจอมทอง พบรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ในลานจอดรถดังกล่าว ตรวจสอบหมายเลขตัวถังตรงกับที่ได้แจ้งไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้สอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ ได้ความว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นของใครและมาจอดเมื่อไหร่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดพร้อมจัดทำบันทึกตรวจยึดนี้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวคืนให้แก่เจ้าของต่อไป
สนับสนุนโดย
 รายงานข่าว

โพสต์ข่าวแนะนำ

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์

วันที่ 25 เมษายน 2567 กลุ่มงานเวชศาสตร์ชุมชน และชมรมผู้ผู้สูงอายุโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จัดกิจกรรมร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ ร่วมทำบุญถ...

ข่าวดัง ยอดนิยม คนสนใจ