วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศส มีพฤติกรรมแอบอ้าง “บิ๊กโจ๊ก”
เรียกเงินค่าคุ้มครองจากกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่พัทยา
จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ว่ามีชายชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล โดยแอบอ้างนายตำรวจในพื้นที่พัทยา และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) โดยมีการนำภาพถ่ายของตนเองซึ่งถ่ายภาพคู่กับนายตำรวจรายต่าง ๆ ขณะที่ตนเองเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Volunteer) ไปใช้ในการแอบอ้างต่อกลุ่มชาวต่างชาติ เพื่อเรียกรับเงินค่าคุ้มครองเพื่อให้สามารถพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยา จว.ชลบุรี ได้ต่อ

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด จากการสืบสวนของชุดสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด หรือ Mr.Herve Christian Robert Leonard อายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับฉ้อโกง และกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่ จว.ชลบุรี มาแล้วหลายคดี โดยครบกำหนดการอนุญาตพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบเพื่อแกะรอยหาตัวของบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตัวนายเฮอวี่ฯ กว่า 4 เดือน จนทราบว่า หลังจากที่ นายเฮอวี่ฯ ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง และกรรโชกทรัพย์ก่อนหน้านั้น ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างพิจารณาคดีของศาล แต่เมื่อถึงกำหนดนัดพิจารณาคดีกลับหลบหนี โดยนายเฮอวี่ฯ มีพฤติกรรมในการย้ายที่พักอาศัยบ่อยครั้ง ทุก ๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่พัทยา หัวหิน และกรุงเทพมหานคร มักจะแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจะแจ้งกับสถานที่พักต่าง ๆ ว่าเอกสารหนังสือเดินทางของตนสูญหาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเฮอวี่ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมดังกล่าวจนพบ นายเฮอวี่ฯ พักอาศัยอยู่จริง ซึ่งรวมระยะเวลาในการเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (868 วัน) และเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว เพียง 2 สัปดาห์ จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า นายเฮอวี่ฯ ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกง และกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่ จว.ชลบุรี จากผู้เสียหายอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก และถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวจำนวนหลายหมายจับ ได้แก่ 

-หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 110/2564 ลง 27 กรกฎาคม 2564 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” 
-หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 400/2564 ลง 26 พฤศจิกายน 2564 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และกรรโชกทรัพย์”
-หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 19/2565 ลง 18 กุมภาพันธ์ 2565 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
-หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 28/2565 ลง 25 กุมภาพันธ์ 2565 ความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
-หมายจับศาลแขวงพัทยา ที่ 56/2565 ลง 18 พฤษภาคม 2565 ความผิดฐาน “ฉ้อโกง และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น จนผู้ถูกข่มขื่นใจต้องกระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”
-หมายของ Interpol ประเภทสีน้ำเงิน (แจ้งเตือนบุคคล) 
โดยพฤติการณ์ในคดีต่าง ๆ เหล่านี้ มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ นายเฮอวี่ฯ จะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในเมืองพัทยา จว.ชลบุรี โดยอ้างว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายราย รวมทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (ตำแหน่งในเวลานั้น) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว และเรียกรับทรัพย์สินจากกลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าวเป็นค่าคุ้มครอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนประสานให้ ภ.จว.ชลบุรี ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดทุกคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของชาวต่างชาติเป็นอันมาก เนื่องจากมีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงข้าราชการหน่วยอื่น เพื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้ ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป หากพบการกระทำดังกล่าวอีก จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดทุกราย โดยขอฝากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบ หากพบพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้ง สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือ 1599 เพื่อแจ้งเบาะแส หรือขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง

#มั่นใจทุกข่าวสารตำรวจเพื่อคุณ
#policeofficial 
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สนับสนุนโดย
 รายงานข่าว

โพสต์ข่าวแนะนำ

พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เข้าอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ แด่ ดร.นฤมล สุรเศรษฐ ประธานกรรมการ L.S.Jewelry Group

สำนักงานหนังสือพิมพ์ทันใจนิวส์ พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เข้าอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ แด่ ดร.นฤมล สุรเศรษฐ ประธานกรรมการ L.S.Jew...

ข่าวดัง ยอดนิยม คนสนใจ